บริษัทจำกัด การจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ
รายการที่กฎหมายบังคับให้ต้องจดทะเบียน
หนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทจำกัด ที่ผู้เริ่มก่อการได้จัดทำขึ้น และนำไปขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทนั้น จะต้องมีรายการตามที่กำหนดไว้ใน มาตรา 1098 และมาตรา 1099 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนี้
1. ชื่อบริษัท
2. จังหวัดซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของบริษัท
3. วัตถุที่ประสงค์ทั้งหลายของบริษัท
4. ข้อแถลงแสดงว่าความรับผิดของผู้ถือหุ้นจะมีจำกัด
5. จำนวนทุน จำนวนหุ้น และมูลค่าของหุ้นของบริษัทที่กำหนดไว้
6. ชื่อ ที่อยู่ อาชีวะ และจำนวนหุ้นซึ่งต่างคนต่างเข้าชื่อซื้อไว้ของผู้เริ่มก่อการตั้งบริษัท (ซึ่งอย่างน้อยต้องมี 3 คน) และลายมือชื่อของผู้เริ่มก่อการนั้นทุกคน
7. ชื่อ อายุ ที่อยู่ และลายมือชื่อของพยาน (อย่างน้อย 1 คน) ซึ่งรับรองลายมือชื่อของผู้เริ่มก่อการจัดตั้งบริษัท ตามข้อ 6.
การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัด
เมื่อผู้เริ่มก่อการได้ดำเนินการจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิเรียบร้อยแล้วก็จะต้องนัดประชุมบรรดาผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นของบริษัทเพื่อพิจารณาจัดตั้งบริษัท โดยดำเนินการดังนี้
1. ผู้เริ่มก่อการคนใดคนหนึ่ง จัดทำหนังสือนัดประชุมตั้งบริษัทขึ้น โดยกำหนดวัน เวลา สถานที่ และระเบียบวาระการประชุม (เรื่องที่จะประชุม) ส่งไปยังบรรดาผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นของบริษัททุกคน
2. หนังสือนัดประชุมนั้นต้องกำหนดวันประชุม
3. ระเบียบวาระการประชุมในหนังสือนัดประชุม จะต้องกำหนดกิจการอันพึงทำในที่ประชุมตั้งบริษัท ตามมาตรา 1108 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ คือ
3.1. รับรองบัญชีรายชื่อ ฐานะ และสำนักงานของผู้เข้าชื่อซื้อหุ้น พร้อมทั้งจำนวนหุ้น ซึ่งต่างคนได้ลงชื่อซื้อไว้
3.2. พิจารณาตั้งข้อบังคับของบริษัท
3.3. พิจารณาให้สัตยาบันแก่บรรดากิจการที่ผู้เริ่มก่อการตั้งบริษัทได้กระทำและค่าใช้จ่ายซึ่งจำเป็นต้อง จ่ายในการตั้งบริษัท
3.4. พิจารณาเรื่องหุ้น
3.5. พิจารณาเลือกตั้งกรรมการชุดแรกของบริษัท และกำหนดอำนาจกรรมการ
3.6. พิจารณาเลือกตั้งผู้สอบบัญชี และกำหนดค่าสินจ้าง
3.7. เรื่องอื่นๆ (ถ้ามี) ในกรณีที่บริษัทมีหุ้นบุริมสิทธิ์ หรือหุ้นสามัญซึ่งออกให้เหมือนหนึ่งว่าได้ใช้เงินจนเต็มมูลค่าแล้วหรือได้ใช้แต่บางส่วนแล้ว เพื่อแทนคุณค่าแรงงาน หรือตอบแทนทรัพย์สินอย่างใดก็จะต้องกำหนดไว้ในหนังสือนัดประชุม (4) ให้ชัดเจนด้วย
4. เมื่อถึงวันประชุมตามที่ได้แจ้งไว้ในหนังสือนัดประชุมแล้ว ผู้เริ่มก่อการต้องจัดให้มีการประชุมขึ้น ณ สถานที่ที่ได้แจ้งไว้ และต้องดำเนินการประชุมตามระเบียบวาระที่กำหนดไว้ มติของที่ประชุมตั้งบริษัทจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อ ที่ประชุมได้ลงมติโดยเสียงข้างมาก และมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทั้งหมดซึ่งมีสิทธิลงคะแนนได้ และคิดตามจำนวนหุ้นร่วมกันได้ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นทั้งหมดด้วย ผู้เริ่มก่อการหรือผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นจะออกเสียงลงคะแนนไม่ได้ ถ้าตนมีส่วนได้เสียโดยพิเศษในปัญหาที่ยกขึ้นวินิจฉัย (มาตรา 1109)
5. เมื่อการประชุมตั้งบริษัทได้สำเร็จลงแล้ว ผู้เริ่มก่อการต้องมอบกิจการทั้งหมดของบริษัทให้แก่ คณะกรรมการที่ได้รับเลือกตั้งจากที่ประชุมตั้งบริษัท และกรรมการจะเรียกให้ผู้เริ่มก่อการและผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทั้งหลายใช้เงินค่าหุ้นตามที่แต่ละคนถืออยู่ แล้วจึงไปดำเนินการขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทต่อไป
รายการที่กฎหมายบังคับให้ต้องจดทะเบียน
การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัด จะต้องจดทะเบียนตามรายการดังต่อไปนี้
1. จำนวนหุ้นทั้งสิ้น ซึ่งได้มีผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นหรือได้จัดออกให้แล้ว แยกให้ปรากฏว่าเป็นหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ์ จำนวนเท่าใด
2. จำนวนหุ้นสามัญ หรือหุ้นบุริมสิทธิ์ ซึ่งออกให้เหมือนหนึ่งว่าได้ใช้เต็มค่าแล้ว หรือได้ใช้แต่บางส่วนแล้ว นอกจากที่เป็นตัวเงิน และหุ้นที่ได้ใช้แต่บางส่วนนั้นได้ใช้แล้วเพียงใด
3. จำนวนเงินที่ได้ใช้แล้วหุ้นละเท่าใด
4. จำนวนเงินที่ได้รับไว้เป็นค้าหุ้นรวมทั้งสิ้นเท่าใด
5. ชื่อ อาชีวะ และที่อยู่ของกรรมการทุกคน
6. จำนวนหรือชื่อกรรมการซึ่งจะลงชื่อเป็นสำคัญผูกพันบริษัทได้
7. ข้อแถลงแสดงว่าบริษัทได้จัดตั้งขึ้นโดยมีหรือไม่มีกำหนดอายุ
8. สถานที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ และสาขาทั้งปวง
9. รายการอย่างอื่นซึ่งเห็นสมควรจะให้ทราบแก่ประชาชน
10. ตราของบริษัท
11. ข้อแถลงแสดงว่า บริษัทได้ตั้งขึ้นโดยมีหรือไม่มีข้อบังคับ
รายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน
เมื่อมีบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ได้ตกลงที่จะเข้ากันเพื่อประกอบกิจการเป็นห้างหุ้นส่วน และประสงค์จะให้ห้างหุ้นส่วนนั้นมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากบรรดาผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนของห้างหุ้นส่วน จะต้องนำความไปขอจดทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท ที่ห้างหุ้นส่วนนั้นมีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตปฏิบัติงาน โดยจะต้องดำเนินการตามวิธีและหลักเกณฑ์ที่กฎหมายและระเบียบของทางราชการได้กำหนดไว้ และแม้ในภายหลังหากผู้เป็นหุ้นส่วนได้ตกลงที่จะแก้ไขเพิ่มเติมรายการที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วประการใดก็จะต้องไปขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมรายการนั้นๆ ณ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทแห่งเดิมนั้นด้วย (เว้นแต่การจดทะเบียนภายหลังที่ได้ย้ายสำนักงานแห่งใหญ่ ไปตั้งอยู่ในเขตปฏิบัติงานของสำนักทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทอื่นแล้ว ก็จะต้องไปขอจดทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทที่ห้างหุ้นส่วนบริษัทนั้นได้ย้ายสำนักงานแห่งใหญ่ไปตั้งอยู่ในเขตปฏิบัติงาน) ซึ่งจะได้กล่าวไว้เป็นเรื่องๆไป
การจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วน
รายการที่กฎหมายบังคับให้ต้องจดทะเบียน
ห้างหุ้นส่วนที่มีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย คือ ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน (หรือเรียกว่า ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล) และห้างหุ้นส่วนจำกัด นั้น ในการขอจดทะเบียนเพื่อจัดตั้งห้างหุ้นส่วนทั้งสองประเภทนี้ โดยสาระสำคัญแล้วกฎหมายบังคับให้ต้องจดทะเบียนในรายการต่างๆเหมือนกัน (ตามมาตรา 1064 และมาตรา 1077) ดังนี้
1. ชื่อห้างหุ้นส่วน
2. วัตถุที่ประสงค์ของห้างหุ้นส่วน (ในกรณีห้างหุ้นส่วนจำกัด จะต้องแถลงข้อความว่าเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดไว้ด้วย)
3. ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ และสำนักงานสาขาทั้งปวง
4. ชื่อ ยี่ห้อ ที่อยู่ อาชีวะ และสิ่งที่นำมาลงหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน (ในกรณีห้างหุ้นส่วนจำกัด จะต้องแยกตามประเภทของผู้เป็นหุ้นส่วน ทั้งจำพวกจำกัดความรับผิดชอบและจำพวกไม่จำกัดความรับผิดชอบ)
5. ชื่อหุ้นส่วนของผู้จัดการ
6. ข้อจำกัดอำนาจของหุ้นส่วนผู้จัดการ (ถ้ามี)
7. รายการอื่นๆที่เห็นสมควรจะให้ประชาชนทราบ (ถ้ามี)
นิติบุคคลที่จัดตั้งในต่างประเทศ(ขอตั้งตัวแทนสาขาในประเทศไทย)
1. สำเนาเอกสารแสดงการก่อตั้งนิติบุคคลซึ่งแสดงรายการเกี่ยวกับชื่อ ทุน วัตถุประสงค์ ที่ตั้งสำนักงาน รายชื่อกรรมการ และอำนาจกรรมการ ของนิติบุคคลผู้ขออนุญาต
2. หนังสือแต่งตั้งผู้รับผิดชอบดำเนินการในประเทศไทย และสำเนาหนังสือเดินทางของผู้รับผิดชอบสำนักงาน หรือสำเนาบัตรประชาชนกรณีผู้รับมอบเป็นคนไทย
3. รายละเอียดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจที่ขออนุญาตจากประเทศไทย เพื่อจำหน่ายยังต่างประเทศ
4. แผนที่สังเขปแสดงที่ตั้งในไทย
5. หลักฐานแสดงผลงานที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบการมาแล้วสำหรับการขออนุญาตครั้งต่อไป
6. สำเนาหลักฐานอื่น (ถ้ามี) หนังสือรับรองการจ้างจากส่วนราชการรัฐวิสาหกิจ หรืออยู่รับสัมปทานปิโตรเลียม (กรณีหนังสือรับรองไม่ชัดเจนให้ส่งสำเนาสัญญา)
7. หนังสือรับมอบอำนาจ หมายเหตุ การจดทะเบียนบริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทต่างชาติที่มาตั้งตัวแทนสาขาในประเทศไทย การดำเนินการยื่นคำขอจดทะเบียน ท่านเพียงทำตามคำแนะนำของเราและปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดตามเอกสารทางราชการที่ทางเราจัดหาจัดเตรียมและจัดทำให้หมด เมื่อเตรียมเอกสารตามกฎหมายกำหนดแล้วเสร็จ เราเป็นผู้รับมอบอำนาจไปดำเนินการยื่นขอจดทะเบียนให้ทุกขั้นตอนจนเสร็จการจัดตั้งบริษัท ห้างหุ้นส่วน
บริษัทต่างชาติที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ต่างประเทศมาขอขดทะเบียนตั้งตัวแทนสาขาในประเทศไทย
โดยทางท่านทำหนังสือมอบอำนาจให้เราไปดำเนินการยื่นขอจดทะเบียนแทนท่าน ท่านไม่ต้องไปเอง
1. การจดทะเบียนบริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุคคลต่างชาติคนเดียวหรือหลายคนรวมกันถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนได้ไม่เกิน 49% ของทุนจดทะเบียน บุคคลสัญชาติไทยหนึ่งคนหรือหลายคนรวมกันถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนไม่ต่ำกว่า 51% ของทุนจดทะเบียนบริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด
2. บริษัทจำกัด บุคคลต่างด้าวเป็นคณะกรรมการหรือกรรมการบริษัทผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราบริษัท เพื่อบริหารงานในบริษัทมีหนึ่งคนหรือหลายคนก็ได้ (จะมีคนไทยร่วมอยู่ด้วยหรือไม่ก็ได้) คนหนึ่งลงลายมือชื่อและประทับตราบริษัท หรือหลายคนลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราบริษัทก็ได้ แล้วแต่ตกลงกันเอง
3. ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุคคลต่างชาติเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดได้เป็นหุ้นส่วนไม่เกิน 49% ของทุนจดทะเบียน เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่ได้ แต่ทำการงานตามตำแหน่งหุ้นส่วนผู้จัดการมอบอำนาจหรือมอบหมายแต่งตั้งให้ทำได้